👮วิหารเซนต์ไอแซค St. Isaacs Cathedral, St. Petersburg
👬อาสนวิหารนักบุญไอแซค (รัสเซีย: Исаа́киевский Собо́р) เป็นอาสนวิหารของศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย ตั้งอยู่ในนครเซนต์ปีเตอส์เบิร์กของประเทศรัสเซีย อาสนวิหารนักบุญไอแซคเป็นอาสนวิหารออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นอาสนวิหารคริสต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ตั้งชื่อตามนักบุญไอแซคแห่งดัลเมเชีย ผู้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช ซึ่งทรงเสด็จพระราชสมภพตรงกับวันสมโภชฉลองนักบุญไอแซค
👮อาสนวิหารนี้ใช้เวลาสร้างถึง 4 ทศวรรษตั้งแต่ปี 1818 ถึง 1858 ตัวอาคารมีสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูคลาสสิก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส โอกุสต์ เดอ มงแฟร์ร็อง ผู้ซึ่งร่ำเรียนมาจากหอศิลป์ของ ชาร์ล แปร์ซิเยร์ นักออกแบบคนโปรดของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส(ขอบคุณที่มาจากhttps://th.wikipedia.org/wiki)
💂วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่นท่ามกลางภูมิทัศน์ของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และทิวทัศน์ที่มองจากวิหารแห่งนี้ก็น่าตื่นตะลึงเฉกเช่นเดียวกับการตกแต่งภายในที่มีความเก่าแก่St. Isaac’s Cathedral ซึ่งมีหลังคาโดมสีทองตระหง่าน
💂เป็นสถานที่สำคัญที่ต้องมาชื่นชม และเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก วิหารแห่งนี้ ซึ่งเป็นศาสนสถานแห่งสำคัญมานานนับหลายร้อยปี เป็นสถานที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมากที่สุดในปัจจุบัน
💂สำรวจการตกแต่งอันสวยงามอลังการ และถ่ายภาพจากจุดชมวิวชั้นเลิศแม้ว่าวิหารแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักทั่วโลกในด้านโครงสร้างโออ่าสง่างามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่แท้จริงแล้ว วิหารแห่งนี้ได้ผ่านการก่อสร้างใหม่มานับครั้งไม่ถ้วนในช่วงประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปีของวิหาร
💂โครงสร้างหลังแรกที่สร้างขึ้นจากไม้นั้นพังทลายลงเนื่องจากน้ำท่วม และโครงสร้างหลังถัดมาก็โดนไฟไหม้ หลังจากนั้น การสวรรคตของจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 และจักรพรรดิพอลที่ 1 องค์อุปถัมภ์ของวิหารนี้ รวมไปถึงการเสียชีวิตของอันโตนีโอ รีนัลดี สถาปนิกผู้ออกแบบ ได้ส่งผลให้วิหารแห่งนี้ทรุดโทรมอย่างหนัก ออกุสเต มอนแฟร์แรนด์ สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ได้เข้ามารับหน้าที่แทน
💂และวิหารที่เห็นในปัจจุบันก็ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงระหว่างปี 1818 ถึง 1848มองหลังคาโดมโดดเด่นของวิหาร ซึ่งเคลือบทองคำล้ำค่าหนักกว่า 100 กิโลกรัม โครงสร้างภายนอกส่วนอื่นๆ ของวิหารแห่งนี้ก็น่าประทับใจเช่นเดียวกัน ยืนตรงทางเข้าที่มีหลังคาโค้งข้างเสาแกรนิตสีแดงใหญ่โตโอ่อ่า
💂ซึ่งเสาแต่ละต้นมีน้ำหนักมากถึง 80 ตัน อาคารวิหารยังตกแต่งด้วยหินอ่อนงดงามสง่า และผนังแกรนิตก็ประดับด้วยหินแวววาวทางเข้าที่มีหลังคาโค้งประดับประดาด้วยหน้ามุขรูปหล่อทองแดงประณีตงดงาม ซึ่งสลักปั้นโดย Ivan Vitali และ Francois Lemaire มองหาภาพสะท้อนเรื่องราวการฟื้นคืนชีพของพระเยซูบนหน้ามุขด้านทิศเหนือ และภาพของนักบุญไอแซคกำลังประทานพรแก่จักรพรรดิธีโอโดเซียสที่หน้ามุขด้านทิศตะวันตกเข้าไปด้านในวิหาร ซึ่งตกแต่งด้วยงานวิจิตรศิลป์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน สำรวจภาพวาดพระนางมารีย์พรหมจารีพร้อมเหล่าบริวารสิ่งมีชีวิตบนสรวงสวรรค์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 800 ตารางเมตร จากฝีมือของ Karl Briullov
💂วิหารยังมีผลงานที่สะท้อนภาพการพิพากษาครั้งสุดท้าย ซึ่งสื่อความหมายถึงพระเยซูคริสต์ที่กำลังมองลงมายังศาสนิกชนที่มายังโบสถ์ด้วยปีนบันได 300 ขั้นเพื่อขึ้นไปยังระเบียงของวิหาร และชื่นชมทิวทัศน์งดงามของส่วนอื่นๆ ของเมือง ทัศนียภาพนั้นตระการตามากจนหลายคนมายังวิหารแห่งนี้เพื่อชมทิวทัศน์นี้โดยเฉพาะนั่งรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Admiralteyskaya และจากที่นั่น เดินไปยัง St. Isaac’s Cathedral ได้โดยง่าย ปัจจุบัน วิหารแห่งนี้ไม่ค่อยจัดพิธีทางศาสนา แต่เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธ มีค่าเข้าชมโบสถ์และระเบียงแยกต่างหาก(ขอบคุณที่มาจากhttps://www.expedia.co.th/St-Isaacs-Cathedral-St-Petersburg-City-Centre.d6057699.Place-To-Visit)